“ดร.นิว” ชี้ “REDEM” ยกระดับการจลาจลหวังไปสู่สงครามกลางเมือง

สภากาแฟ

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ ระบุว่า ม็อบไม่มีแกนนำเป็นม็อบที่มีความเป็นอนาธิปไตยสูง ง่ายต่อการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการก่อจลาจล สร้างความโกลาหลอลหม่าน แล้วยกระดับไปสู่สงครามกลางเมือง

(4 มี.ค.64) ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ข้อความว่า

REDEM ยกระดับการจลาจลหวังไปสู่สงครามกลางเมือง

ม็อบไม่มีแกนนำเป็นม็อบที่มีความเป็นอนาธิปไตยสูง ย่อมมีโอกาสสูงมากที่จะสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เพราะง่ายต่อการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการก่อจลาจล สร้างความโกลาหลอลหม่าน แล้วยกระดับไปสู่สงครามกลางเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมวลชนม็อบปัจจุบันภายใต้กระแส #REDEM เหลือแต่กลุ่มจัดตั้งกับพวกหัวรุนแรง ในขณะที่ปัญญาชนแทบจะถอยห่างกันหมด เพราะรับไม่ได้กับการใช้ความรุนแรงของม็อบ และความชั่วร้ายของคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ซึ่งคอยแต่หลอกใช้มวลชนเป็นเครื่องมืออย่างอำมหิต

นอกจากความเป็นอนาธิปไตยและกระหายความรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากเพจแนวร่วมของม็อบที่ยุให้ทำระเบิดเพลิงโมโลตอฟแล้ว การที่ม็อบ REDEM ประกาศว่า “ผู้ที่ออกมาต่อสู้ทุกคนจำเป็นที่จะต้องรับผิดชอบในความเสี่ยงของตัวเอง” เป็นการปฏิเสธความรับผิดชอบต่อชีวิตของมวลชนโดยคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ผ่านการสร้างชุดความคิดจอมปลอมว่าไม่มีแกนนำ ทั้งๆที่คนที่อยู่เบื้องหลังม็อบคอยยัดเยียดชุดความคิดและควบคุมพฤติกรรมของม็อบ โดยอาศัยโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการยุยงปลุกปั่นมาตั้งแต่ต้น อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองและคณะการเมือง ที่คอยให้การสนับสนุน ตลอดจนเคลื่อนไหวร่วมกันมาโดยตลอด

ข้าพเจ้าจึงขอย้ำสิ่งที่ได้เตือนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และคอยย้ำเตือนมาโดยตลอด… เจ้าของม็อบตัวจริงเคยกล่าวไว้กับบรรดาคนใกล้ตัวว่า ต่อให้ต้องทำให้กรุงเทพเป็นแบบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาก็ยอม ทั้งหมดเป็นไปตามแผน 5 ขั้นของ #ฮ่องเต้ซินโดรม เพื่อแทรกแซงกิจการภายในชาติ และมุ่งหวังต่อการล้มล้างการปกครองโดยมีต่างชาติคอยหนุนหลัง

1.สร้างสถานการณ์ความรุนแรง
2.ก่อจลาจลสู่สงครามกลางเมือง
3.บีบให้เกิดการรัฐประหาร
4.ปลุกสงครามปฏิวัติประชาชนแบบรุนแรง
5.เรียกร้องการแทรกแซงจากต่างชาติ

เมื่อม็อบและคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบต้องการสงครามกลางเมือง

หน้าที่ของเราทุกคนในฐานะประชาชนชาวไทย คือ ต้องช่วยกันยุติสงครามกลางเมือง และร่วมกันนำพาประเทศชาติฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปสู่อนาคต แล้วสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสันติให้จงได้

ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประชาธิปไตยไม่ได้เกิดขึ้นจากการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง หากแต่เป็นการฟื้นฟูสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงและเป็นกำลังของประชาชนในการสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ดร.ศุภณัฐ
5 มีนาคม พ.ศ. 2564
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ

————-
โดยมีผู้ร่วมแสดงความเห็น เช่น

– วันๆๆ คิดทำแต่เรื่องอัปรีย์
#ม็อบสวะ

– สงสารประเทศชาติ​ สงสารลุงตู่

– ตัวบงการคือสัดทอน สัสบูด ทำไมตำรวจไม่จัดการซะที……ต้องให้นองเลือดก่อนหรือไงครับ

– ผมว่านะครับ “ปัญญาชนเริ่มถอยห่าง” จริงๆแล้วคือแค่ไม่ลงถนน แต่สิ่งที่มันทำอยู่คือ ปลุกระดมในทวิตเตอร์ รับช่วงต่อจากหัวรุนแรงด่านหน้า แล้วเคลื่อนไหวต่อผ่านทางช่องทางโซเชียล อันจะเห็นได้จากเรื่องแพทย์อาสาเก๊ และเรื่องแอมมี่ครับ

– ยากครับ เหล่าอาจารย์ตามมหาลัย นี่และตัวแสบ ล้างสมองเด็ก เด็กไม่รู้เรื่อง เจ้าของม๊อบเลยหลอกเด็กๆ ง่าย

อยากให้รัฐบาล ลงไปตรวจสอบมหาลัย ทางเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ฐานที่มั่นของใคร ถ้ารัฐบาลไม่กล้าทำ วันหน้าลำบากกว่านี้

– ท้อจัง สังคมไทยที่เคยน่าอยู่ ตอนนี้โควิดก็พอโควิด พวกม็อบรับจ้างนี้ก็หวังทำแต่ประเทศชิบหาย

– เป็นอีแอบผลุบๆโผล่ๆ อยู่นาน ทีมเดิมไปไม่เป็นกันแล้ว ก็ให้ทีมเก่า ออกมาเล่น มาเติมเต็ม แสดงตัวกันชัดเจน นายใหญ่สั่ง บ่งชี้ชัดเจนแล้วว่า แก้วสามประการ ทั้งการเมือง มวลชน และกองกำลังยังอยู่และกำลังจะถูกนำมาใช้ครบถ้วน ที่ผ่านมาแยกกันตี ตอนนี้จะรวมตัวกันแล้ว. การข่าว การรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งหน้าฉากและหลังฉาก. ต้องเร่งรีบให้เสร็จแบบหนีไม่รอด ใครเห็นก็เชื่อ. และต้องถูกนำมาใช้แล้วนะ. อย่าปล่อยให้เลยเถิด ทำให้เสียหายมากไป

– ดินแดงโมเดลครับ ถ้าเกิดเหตุรุนแรงวุ่นวาย หรือเกิดการเผาขึ้นมาคนในพื้นที่ควรจัดการบ้างก็ดีนะครับ ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาสร้างความสกปรกในพื้นที่ตนเอง