ตร.เปิดผังขบวนการบิดเบือน รธน. แจ้ง 3 ข้อหาหนัก “บุญเลิศ-พวก”

ประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ 2560

(2 ส.ค.59) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ และเจ้าหน้าทีทหารจาก มทบ.11 นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวโยงกระทำความผิดเผยแพร่จดหมายทางไปรษณีย์ในหลายพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีเนื้อหาในลักษณะบิดเบือนร่างรธน. โดยผู้ต้องหาทั้งหมด 11 คน ประกอบไปด้วย นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ , น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย , นายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรี ต.ช้างเผือก , นายอติพงษ์ คำมูล , นายกฤตกร โพทะยา , น.ส.เอมอร ดับโศรก , นางสุภาวดี งามเมือง , นายไพรัช ใหม่ชมภู , นางกอบกาญจน์ สุคีตา , นายวิศรุต คุณะนิติสาร และน.ส.ธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ มาส่งมอบให้กับทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. หลังควบคุมตัวครบอำนาจการคุมตัว 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขั้นตอนการรับมอบตัวผู้ต้องหานั้น ทางแพทย์ จาก รพ.ตำรวจ จะทำการตรวจร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานว่าผู้ต้องหาไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างควบคุมตัว ก่อนให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำ ดำเนินคดีพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นจะนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาศาลฝากขังภายในวันนี้ ทั้งนี้เบื้องต้นนายบุญเลิศ และพวก ถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหาหนัก 1.ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 2.ร่วมกันเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 และ 3.ร่วมกันเผยแพร่ข้อความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือกล่าวหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญตาม พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 61 วรรคสอง

ต่อมา ที่ห้องประชุมชิวปรีชา กองบังคับการปราบปราม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.กองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ร่วมแถลงผลการจับกุมและแจ้งข้อหาพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหาที่ส่งจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 11 คน

พล.ต.ต.ชยพล เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12-15 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รับแจ้งจากที่ทำการไปรษณีย์ว่าพบจดหมายลักษณะเป็นพิรุธ ติดแสตมป์จ่าหน้าซองระบุที่อยู่ผู้รับ-ส่งลงในตู้ไปรษณีย์หลายจุดในพื้นเขตพื้นที่ จ.ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ ทั้งนี้ทาง กกต.ได้นำจดหมายไปตรวจสอบพบว่ามีเนื้อหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงาน สภ.แม่ปิง เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่จัดทำจดหมายขึ้นมา นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน โดยทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นผู้ดูแลคดีดังกล่าว ซึ่งพล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ตั้งชุดสืบสวนโดยจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่านายวิศรุต คุณะนิติสาร เป็นหนึ่งในผู้กระทำความผิด ก่อนที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เลขที่ 473/59 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 จะออกหมายจับนายวิศรุต ในข้อหา “เผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย” ตาม ม.61 (2) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 กระทั่งตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมตัวนายวิศรุต นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี จากการสอบสวนนายวิศรุต ให้การการรับสารภาพ และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า การสอบปากคำนายวิศรุต นำไปสู่การขยายผลสอบปากคำลูกจ้างของบริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลช้างเผือก และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จนทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน แบ่งหน้าที่กันทำ ต่อมาวันที่ 26 ก.ค. พ.อ.บุรินทร์ เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลังจากสืบสวนทำให้ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีทั้งหมด 12 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1.กลุ่มผู้บงการ ประกอบด้วย นายบุญเลิศ , น.ส.ทัศนีย์ , นายไพรัช และนายคเชน เป็นผู้ควบคุมสั่งการวางแผนยุยงปลุกปั่นประชาชน จัดสถานที่ในการจัดทำเอกสารจดหมายบิดเบือน กำหนดเนื้องหาที่บิดเบือน กลุ่มเป้าหมายของประชาชนที่จะจัดส่งจดหมาย และการออกค่าใช้จ่ายในการทำจดหมาย

2.กลุ่มพิมพ์เอกสารจ่าหน้าซอง และผลิตจดหมาย ประกอบด้วย นายวิศรุต , น.ส.เอมอร , น.ส.สุภาวดี และนางณชพัฒน์ มีหน้าที่ในการจัดพิมพ์เอกสาร

3.กลุ่มผู้ส่งจดหมาย ประกอบด้วย นายอดิพงษ์ , นายกฤตกร , น.ส.เอมอร , นายวิศรุต และนายเทวรัตน์ มีหน้าที่ในการนำจดหมายไปส่งให้กับประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

และ 4.กลุ่มผู้ช่วยเหลือซ่อนเร้น ประกอบด้วย น.ส.ธารทิพย์ กับพวก ให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ให้การสนับสนุนกลุ่มส่งจดหมายให้หลบหนี กระทั่งศาลมณฑลทหารบกที่ 33 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 11 ราย ในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร , ปลุกปั่น ยุยงส่งเสริม ให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตาม ม.116 และความผิด ม.61 (2) ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าฝ่ายความมั่นคงของทหารได้เชิญตัวผู้ต้องหา 10 คน ยกเว้น นายวิศรุต ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และนายเทวรัตน์ ที่กำลังหลบหนี มาซักถาม และควบคุมตัวที่ มทบ.11 กระทั่งวันที่ 2 สิงหาคม ครบกำหนด ส่งตัวทั้ง 10 คนให้กับพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามขั้นตอน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ในส่วนของพยานหลักฐานที่ชี้ชัดในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหานั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวน ซึ่งจากการสอบถามบุคคลที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 10 คนรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดยขั้นตอนการรับตัวจากทหารในวันนี้ได้ให้แพทย์จาก รพ.ตำรวจ มาตรวจสอบร่างกาย ก่อนจะนำตัวขึ้นเครื่องบินไปยังจังหวัดเชียงใหม่ และมอบหมายให้ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ดำเนินการต่อไป

ในส่วนของการตรวจร่างกายนั้น พ.ต.ท.ธัญลักษณ์ ธุดี นายแพทย์ (สบ.3) กลุ่มงานศูนย์ส่งกลับและรถพยาบาล เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบตามร่างกายผู้ต้องหาทั้งหมดไม่พบร่องรอยบาดแผลการทำร้ายร่างกาย แต่พบว่ามีผู้ต้องหา 2 ราย คือนายกฤตกร มีอาการความดันโลหิตสูง และนางสุภาวดี เป็นโรคเบาหวานและมะเร็งเต้านม

เครดิต https://www.naewna.com/politic/228555