“แก้วสรร อติโพธิ” วิเคราะห์ถึงจุดจบ “ม็อบ 3 นิ้ว” พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น “ม็อบวี้ดบึ้ม”

สภากาแฟ

(15 มี.ค.64) นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง “อนาคตของ ม็อบวี้ดบึ้ม” ผ่าน www.thaipost.net โดยมีเนื้อหาดังนี้

ถาม ทำไมไปเรียกม็อบสามนิ้ว ว่า “ม็อบวี้ดบึ้ม”

มันไม่ใช่ขบวนการปฏิวัติที่น่านับถือหรือเกรงใจอะไร พวกเขาคิดจะฉวยโอกาสจากการผลัดแผ่นดินและการปกครองที่ไปไม่เป็น มองไม่เห็นความหวังของระบอบ ๓ ป.เป็นสำคัญ เขาจึงปล่อยตัว “ธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ให้เป็นเชียร์ลีดเดอร์ วิ่งออกมาวี๊ดบึ้ม หวังจะแปรความไม่สมหวังหงุดหงิดของมวลชน มาเป็นความจงเกลียดจงชังชูนิ้วกลางให้ปัจจุบัน ผ่านสถาบันเท่านั้น

ถาม แบบ “อาหรับสปริง ” ?

ครับ…แต่มันพลิกฟ้าเหมือนอียิปต์นับล้านลุกฮือไล่มูบารัคจบใน ๑๐ วันไม่ได้ เหตุเพราะความชั่วของฝ่ายอำนาจบ้านเรามันยังไม่เลวร้าย ถึงขั้นจะม๊อบให้ฮือขึ้นมาเป็น “ไทยสปริง” ได้ เมื่อไม่สำเร็จ ก็ต้องโดดเดี่ยวกลายเป็นนักก่อความวุ่นวายประจำวันไป เช่นทุกวันนี้ ล่าสุดที่เรียกตนเองว่าม๊อบทะลุฟ้านั้น มันตกจากฟ้ามากกว่า

ถาม อาจารย์ไม่เห็นทฤษฎีปฏิวัติอะไรของเขาเลยหรือครับ

ขบวนการมวลชนปฏิวัติที่พลิกโลกได้จริงๆ ต้องมีทฤษฎีอธิบายความสิ้นหวังในปัจจุบัน และอนาคตที่สวยงามสมหวังให้มวลชน

“ม็อบวี๊ดบึ้ม” อธิบายไม่ได้เลยว่าสถาบันเป็นตัวการของความสิ้นหวังและเราจะสมหวังได้อย่างไรเมื่อสิ้นสถาบัน เมื่อไม่มีความคิดก็ไม่มีการนำและการจัดตั้ง ได้แต่ขบคิดสร้างสัญลักษณ์ สร้างอีเวนต์ เขียนถนน หวังจะแทงใจดำผู้คนไปวันๆ จนเป็ดเหลืองเต็มถนนไปหมด

ถาม เขาบอกว่าแบบนี้เป็นม็อบประชาธิปไตยไม่ต้องมีแกนนำ

การต่อสู้มันต้องมีการจัดตั้งมีขบวนการ มันไม่ใช่พาเหรดฟุตบอลประเพณี

ถาม เห็นเขาประกาศว่าต่อไปจะมี “ม็อบประเพณี”

มันก็จะมี “ติดคุกประเพณี” ตามมาอีก จะเอาไหม

ถาม จะได้ขาดสอบกันอีก

เกิดมาผมไม่เคยเห็นนักปฏิวัติกลัวสอบตก

ถาม พวกอาจารย์เขาวิตกแทนลูกศิษย์ไม่ใช่หรือครับ

ผู้ใหญ่พวกนี้หลายคน เป็นสตาฟ์เชียร์เลยทีเดียว เด็กเป็นแค่เชียร์ลีดเดอร์ที่ถูกดันให้วิ่งออกไปวี๊ดบึ้มกลางถนนเท่านั้น ใจกลางของหลุมดำทางความคิดมันอยู่ที่ชุมนุมเชียร์ ไม่ใช่ที่เชียร์ลีดเดอร์

ถาม หลายคนเขาสรุปว่า ถ้าไม่มี “ม็อบวี้ดบึ้ม” ระบอบสาม ป.ไปนานแล้ว

ผมเห็นด้วยว่ามันเป็นแนวร่วมมุมกลับให้ระบอบ ๓ ป. ม็อบนี้มันตอกย้ำสโลแกน “รักความสงบจบที่ลุงตู่” ให้น่าฟังขึ้น ถ้าพวกเขาไม่ไปยุ่งกับสถาบันแล้วทุ่มเทสร้างสโลแกนใหม่ว่า “รักความสิ้นหวังจบที่ลุงตู่” ให้ได้ โอกาสจะเปิดกว้างกว่านี้มาก สำหรับผมแล้วมันน่าเสียดายจริงๆ

ถาม เสียดายอะไรครับ

ทุกวันนี้สังคมไทยยังให้ความหวังผู้คนไม่ได้ ระบอบ ๓ ป. เป็นขุนนางเต็มตัวทั้งกายใจ ไม่มีทางปฏิรูปอะไรได้ อยู่มานานจนมีนักเกาะกินเกาะเต็มไปหมดราวกับฝูงเห็บ ทั้งสภาบนสภาล่างและในระบบข้าราชการ

สถานการณ์อย่างนี้ อนาคตบ้านเมืองตกอยู่ในมือคนรุ่นใหม่แล้วชัดๆ ผมเห็นมีอนุชนคนเก่งหลายคนในพรรคอนาคตใหม่ น่าเสียดายที่ช่วงเลือกตั้งเขากางใบสำเร็จได้ลมใหม่ๆ แรงๆแล้ว แต่กลับเล่นใบไม่เป็น หลงโซเชียล เชื่อชุมนุมเชียร์ จนถือท้ายเลี้ยวเข้ารกเข้าพงไปเสียได้

ถาม อนาคตของ “ม็อบวี้ดบึ้ม” เป็นอย่างไร

ในอนาคตอันใกล้ เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจสังคมระเบิดเป็นระยะๆ เขาก็จะเป็นได้แค่แมลงวันหรือนกแสกบินว่อนบอกเหตุเท่านั้นเอง.

https://www.thaipost.net/main/detail/96077