(20 ต.ค.63) เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว ‘A moving current’: Thai protesters adopt Hong Kong tactics ระบุว่า ในการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ได้รับแรงบันดาลใจและกลยุทธ์ต่างๆ มาจากการชุมนุมที่เกิดขึ้นบนเกาะฮ่องกง เช่น ร่วม สัญญาณมือ การสื่อสารทางออนไลน์ หมวกกันน็อก แว่นตากันลมและน้ำ ไปจนถึงหน้ากากป้องกันก๊าซพิษ
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ชุมนุมในไทยยังหลีกเลี่ยงการปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ซึ่งคล้ายกับผู้ชุมนุมในฮ่องกงที่ใช้วิธี “แฟลชม็อบ” หรือการชุมนุมที่นัดหมาย เกิดขึ้น และสลายตัวอย่างรวดเร็ว โดยผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงนำแนวคิดนี้มาจากหลักการของ “บรูซ ลี (Bruce Lee)” ตำนานนักแสดงสายบู๊ชาวฮ่องกง ที่ว่า “จงพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำ (Be Water)” ซึ่งแกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) อย่าง Panumas “James” Singprom กล่าวว่า ท่าทีของฝ่ายรัฐกดดันให้ผู้ชุมนุมต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว
หลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมท้าทายคำเตือนของรัฐบาล มีผู้คนนับหมื่นมารวมตัวเพื่อขับไล่รัฐบาลรวมถึงปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พวกเขาหันไปใช้แอพพลิเครชั่นเทเลแกรม (Telegram) เป็นช่องทางนัดหมายชุมนุม โดยตะประกาศล่วงหน้าเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากนี้ การจับกุมแกนนำอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้การประท้วงกลายเป็นแบบไร้แกนนำที่ชัดเจน แต่ใช้แฮชแท็ก (Hashtag) บนทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นช่องทางเผยแพร่ข้อความ หรือก็คือการประท้วงแบบต่างคนต่างมาด้วยตนเอง (Self-Organised)
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในการชุมนุมที่ประเทศไทย ผู้ชุมนุมยังแสดงออกถึงการเอาใจช่วยผู้ชุมนุมบนเกาะฮ่องกง เช่น มีการกล่าวข้อความ “คืนเอกราชให้ฮ่องกง (return independence to Hong Kong)” พร้อมกับเปิดไฟแฟลชจากโทรศัพท์มือถือส่องขึ้นฟ้าในยามค่ำคืน ขณะที่นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงรวมถึงไต้หวัน ก็ส่งกำลังใจช่วยผู้ชุมนุมในไทยเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อตำรวจไทยเริ่มใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงก็เริ่มแนะนำกลยุทธ์ในการรับมือ เช่น ใช้ร่มเป็นโล่กำบัง และให้จัดเตรียมน้ำเกลือไว้
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “พันธมิตรชานม (Milk Tea Alliance)” หมายถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองในไทย ฮ่องกงและไต้หวัน ซึ่งทั้ง 3 ชาติมีชานมเป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังมีการใช้สัญญาณเสียงตะโกนบอกต่อๆ กัน ทั้งเพื่อลำเลียงสิ่งของที่ต้องใช้ในการชุมนุม ไปจนถึงเปิดทางเข้า-ออกรถพยาบาลในพื้นที่ชุมนุม และเมื่อมีข่าวว่าจะมีการสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมจำนวนไม่น้อยอาสาเข้าไปเป็นด่านหน้าในการรับมือ นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 23 ปีรายหนึ่ง กล่าวว่า ตนต้องการทำมากกว่าเพียงมาร่วมชุมนุม นั่นคือการปกป้องเพื่อนๆ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ถึงกระนั้น การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงก็ไม่เคยเจอการปราบปรามที่รุนแรง อย่างที่เกิดการกับชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง ผู้ใช้สื่อออนไลน์ LIHKG ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของชาวฮ่องกง ให้ความเห็นว่า ชาวฮ่องกงไม่จำเป็นต้องไปสอนคนไทยประท้วง เพราะที่นั่นมีรัฐประหารมากกว่าจำนวนมื้ออาหารที่คุณรับประทาน และในปี 2557 บนเกาะฮ่องกงประท้วงด้วยการร้องเพลง แต่ที่เมืองไทยมีการใช้ระเบิดกันแล้ว
เครดิต https://www.naewna.com/inter/526325