ม็อบมั่วนิ่ม! นักศึกษา ม.นครพนม ประณามรัฐสลายชุมนุม ทำม็อบ “บาดเจ็บ-สูญหาย”

ข่าวการเมือง

(17 ต.ค.63) เพจเฟซบุ๊ก Democratic Youth of NKP – เยาวชนประชาธิปไตย นครพนม โพสต์ถึงเพื่อนในกลุ่มว่า “พวกเราเยาวชนประชาธิปไตยนครพนม ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง ขอเชิญพี่น้องคณะราษฏรนครพนมออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและส่งกำลังใจไปยังพี่น้องของเรา วันนี้ (17 ตุลาคม) ที่หลังคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่ 17.00 นาฬิกาเป็นต้นไป” โดยในเวลาดังกล่าวมีนักเรียน นักศึกษา มารวมตัวกันที่หน้าอาคารคณะศิลปะศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยนครพนม บ้านเนินสะอาด หมู่ 8 ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม ประมาณ 200 คน

โดยแกนนำได้อ่านแถลงการณ์องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และมหาวิทยาลัยนครพนม เรื่อง ขอประณามการใช้ความความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุมในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 มีเนื้อหาดังนี้

จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคณะราษฎรเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญหาย นับเป็นการกระทำที่รุนแรง เป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน ในการชุมนุมมีเด็กและเยาวชนจำนวนมาก เป็นผู้ถูกกระทำภายใต้อำนาจรัฐ เป็นเหตุให้สถานการณ์ทางการเมืองทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ในนามผู้แทนนิสิต นักศึกษาทั้ง 5 สถาบัน มีความเห็นตรงกันว่าการกระทำดังกล่าวทำให้รัฐบาลเป็นผู้ไร้ซึ่งความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แสดงถึงระดับวุฒิภาวะและขาดสติปัญญาในการบริหารสถานการณ์ทางการเมือง ด้วย 3 ประการเหล่านี้

1.การบังคับใช้กฎหมาย ด้วยเหตุว่าการชุมนุมทางการเมืองเป็นการพื้นฐานของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองย่อมเป็นสิทธิ์ การที่เจ้าหน้าที่รัฐอ้างเหตุการณ์ชุมนุมผิดกฎหมายด้วยเหตุใด ๆ แสดงถึงความลุแก่อำนาจ ขาดการไตร่ตรองด้วยเหตุผล และความเป็นประชาธิปไตย บริหารวิกฤติด้วยกำลังความรุนแรง มิได้กระทำด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด เสมือนประชาชนมิใช่มนุษย์ด้วยกัน

2.การสลายการชุมนุม หลักการพื้นฐานและกฎหมายระบุชัดเจนว่าการสลายการชุมนุมต้องทำเวลากลางวัน และมีหมายศาล แต่รัฐบาลนี้หาได้ใส่ใจไม่ เชื่อมั่นในเนติบริกรสอพลอ ถือเอาพระราชกำหนดอันเป็นกฎหมายพิเศษเป็นที่สุด ทั้งที่หลักการคือหลักการ กฎหมายจะเปลี่ยนไปกี่ฉบับหลักการย่อมยังอยู่ การกระทำที่ใช้ความรุนแรงแสดงให้เห็นว่าภาครัฐขลาดเขลา เกรงกลัวเสียงอันบริสุทธิ์ กักกุมคุมขังเสียงที่เรียกร้องตามวิถีทางประชาธิปไตย นับเป็นการกระทำอันแหลกเหลวไร้มนุษยธรรม

3.การจับกุมแกนนำและผู้ร่วมชุมนุม โดยอาศัยข้อกฎหมายเพียงเพื่อมิให้ดำเนินการจัดชุมนุมต่อไปได้ ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถือมั่นนิติรัฐ แต่ไร้นิติธรรม

ในนามผู้แทนนิสิต นักศึกษา ทั้ง 5 สถาบัน ขอร่วมเป็นหนึ่งกำลังใจกับผู้ชุมนุมทุกคน ต่อต้านโหมประณามความรุนที่กระทำต่อประชาชน พึงหวังว่า รัฐบาลผู้มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมีภาษีราษฎรเป็นฐานและกำลัง จะตระหนักแน่นในมนุษยธรรม ทบทวนด้วยวุฒิปัญญาที่ไม่เสื่อมคุณธรรม มีวิสัยทัศน์อันแหลมคม ไม่กดขี่ข่มเหงด้วยอำนาจทางกฎหมาย มองผู้ชุมนุมและเยาวชนเป็นมนุษย์ผู้สิทธิจะแสดงออก ทางการเมืองบนพื้นฐานประชาธิปไตยอันทรงคุณค่า เพื่อความสงบสันติของประเทศชาติ ราษฎร” ลงชื่อผู้แทนนิสิต นักศึกษา ทั้ง 5 สถาบัน 17 ตุลาคม 2563

หลังจากนั้นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยนครพนม ก็ผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยในการสลายการชุมนุมกลุ่มนิสิต นักศึกษา ประชาชนที่ราชประสงค์ กทม. เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีนักเรียนชายชั้นมัธยมปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งได้ขอร่วมปราศรัยด้วย

ในตอนหนึ่งแกนนำได้กล่าวถึงพรรคร่วมรัฐบาล ในจังหวัดนครพนมมี ส.ส.คนหนึ่งอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ และกำลังเตรียมจะผลักดันลูกลงสนามการเมืองท้องถิ่น แกนนำถามผู้ร่วมชุมนุมว่าจะเลือกเขาไหม ได้มีเสียงตอบกลับมาว่าไม่เลือก

ผู้ปราศรัยคนหนึ่งได้กล่าวถึงเจ้าหน้าที่รัฐว่า หากยังรับใช้เผด็จการก็อย่าเรียกตนเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และบอกว่าการชุมนุมใหญ่ในพื้นที่ กทม. ไม่ใช่เป็นการล้มสถาบันตามที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวหา เพียงต้องการปฏิรูปให้อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งพวกตนก็รักสถาบันไม่น้อยกว่าคนอื่นเช่นกัน

โดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษา มหาวิทยาลัยนครพนม ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ร่วมร้องเพลงศรัทธาของวงหินเหล็กไฟ พร้อมกับเปิดแฟลชโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่งกำลังใจถึงเพื่อนๆพี่ๆ ที่ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอยู่ใน กทม. ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังนักศึกมหาวิทยาลัยนครพนมลงโพสต์นัดกันแสดงจุดยืนกันที่หน้าอาคารคณะศิลปศาสตร์ฯ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯคนหนึ่งเผยว่า นักศึกษาไม่ได้ขออนุญาตใช้สถานที่ ซึ่งหากมีอะไรเสียหายอาจจะต้องดำเนินการทางกฎหมาย เบื้องต้นจะระงับการใช้สถานที่ แต่ภายหลังเปลี่ยนใจยินยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้สถานที่ได้ไม่เกิน 20.00 น.

เครดิต https://www.thaipost.net/main/detail/80919