ประณาม! จดหมายบิดเบือน3จว.ใต้ ปลุกปั่นหวังผลประชามติ

ประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ 2560

(30 ก.ค.59) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวคิดของพล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคลและคณะแถลง เสนอแนวคิดให้ทางเลือกสังคมและคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองว่า เป็นความคิดคล้ายกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ซึ่งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เคยระบุไว้

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนคิดว่ามุมมองพล.อ.สายหยุดเป็นมุมมองของคนที่ทำงานด้านความมั่นคง ซึ่งกังวลถึงทางออกของประเทศ แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนก็กังวลไม่แพ้กัน แต่อย่างไรก็ตาม การเสนอความเห็นดังกล่าว ตนคิดว่าเลยสถานการณ์ช่วงนั้นมาแล้ว

ส่วนข้อเสนอให้ตัดคำถามพ่วงบทเฉพาะกาลนั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ความเห็นลักษณะนี้ก็เคยมีมาแล้ว และเคยมีการพูดคุยกันแล้วในขณะที่มีการร่างรัฐธรรมนูญอยู่ แต่ผู้ร่างยืนยันเช่นนั้นก็แสดงว่าความเห็นนี้หรือในแนวทางดังกล่าวตกไป เช่น การสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งส.ว.หรือคำถามพ่วงก็เคยมีการพูดถึงกันอยู่แล้วแต่เขาก็ยืนยันที่จะให้มีสิ่งเหล่านี้ในรัฐธรรมนูญ ดังนั้นข้อเสนอนี้จึงผ่านจุดดังกล่าวไปแล้ว

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ถึงกรณีที่นายอมร วานิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ.ระบุว่า มีอดีตส.ส.กลุ่มวาดะห์ ทำจดหมายบิดเบือนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ตนยังไม่เห็นจดหมายดังกล่าวว่ามีการบิดเบือนในลักษณะไหนอย่างไร แต่มีอดีตส.ส.ของพรรคในพื้นที่ภาคใต้ โทรมาสอบถามตนและบอกว่ามีผล เพราะมีการปลุกปั่นในกลุ่มพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามและเมื่อข้อความเหล่านี้ออกไป พี่น้องมุสลิมหลายคนก็ดูเหมือนว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าการปลุกปั่นแบบนี้ผิดไปจากความเป็นจริง และการดำเนินการในลักษณะนี้ไม่ควรที่จะกระทำอย่างยิ่ง

“เสียงของประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจ เรื่องการลงประชามติมีอยู่มากพอสมควร การปลุกปั่นหรือการบิดเบือนในช่วงนี้จึงมีความสำคัญมาก ดังนั้นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องเข้าไปดูแลอย่างเข้มงวด ส่วนคนที่จะไปลงประชามติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างไร เขาก็ควรจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง คนรับก็อย่าไปโกรธคนไม่รับ ส่วนคนที่ไม่รับก็อย่าไปโกรธคนที่รับ ขอให้ทุกคนมีข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้น” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ให้ผู้แทนของพรรครณรงค์ในเรื่องของการออกไปใช้สิทธิ์ลงประชามติหรือไม่ ซึ่งไม่เหมือนกับปี 50 ที่พรรคเคยออกรณรงค์โดยใช้รถกระบะ ให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ครั้งนี้เราแค่เพียงประกาศท่าทีเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าติดข้อกฎหมายและมีข้อห้ามจำนวนมาก ถ้าพรรคไปทำอะไรเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้ง เราจึงไม่อยากจะไปทำให้เกิดเป็นเงื่อนไข หรือก่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่กรที่พรรคประกาศท่าทีไปก็เพื่อให้ประชาชน ได้นำไปคิดหรือกลับไปอ่านรัฐธรรมนูญ

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า แต่ด้วยในความเป็นหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงจำเป็นต้องประกาศให้สังคมเห็นจุดยืนที่ชัดเจน เราไม่ประกาศไม่ได้เพราะในเรื่องของอุดมการณ์และหลักการของพรรคการเมือง ที่เรามีอยู่ส่วนประชาชนจะว่าอย่างไรหรือตัดสินอย่างไร เราก็ยอมรับในท่าทีของประชาชนอยู่แล้ว

เครดิต https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/709882