(13 ส.ค.62) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรตติ้ง กล่าวถึงการประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมากว่า 2 เดือน และยังไม่มีท่าทีที่จะจบลงง่ายๆว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดูเหมือนว่าทางการยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จะทำให้เกิดผลที่ตามมาในระยะยาวโดยเฉพาะความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ”
ตอนนี้เศรษฐกิจฮ่องกงได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากการชุมนุมประท้วง และทำให้ทั้งเกาะตกอยู่ภายใต้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกาะฮ่องกงที่เปรียบเสมือนเมืองหลวงของเอเชียจะแปรเปลี่ยนสภาพเป็น การยกเลิกเที่ยวบิน ปิดสถานีรถไฟใต้ดิน ห้างสรรพสินค้าที่ร้างไร้ผู้คน ยังไม่รวมถึงตลาดทุน ที่ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลงไปแล้วกว่า 9% ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การลุกฮือของชาวฮ่องกงในครั้งนี้ ได้ส่งสัญญาณความรุนแรงมาขึ้น เริ่มจากช่วงเย็นของวันที่ 2 สิงหาคมที่ประชาชนไปรวมตัวกันตามถนนสายต่างๆ และอีกครั้งในวันที่ 5 สิงหาคมที่เป็นการท้าทายทางการจีน จนมาถึงการปิดสนามบินเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ร่วมชุมนุมมีตั้งแต่ทนายความไปจนถึงนักเรียน นักเคลื่อนไหวไปจนถึงผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมการบิน ก่อสร้าง การศึกษา การเงิน สุขภาพ ค้าปลีก แม้แต่ผู้ที่ทำงานในสวนสนุกก็ยังออกมาร่วมชุมนุมประท้วงในคร้งนี้ด้วย
การท่องเที่ยว
ธนาคาร ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร แม้แต่อาคารสำนักงานของรัฐบาล ต้องปิดทำการ จากการประท้วงที่ยกระดับความรุนแรงกลายเป็นการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่
สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับโรงแรมหรูเพนนิซูล่าในฮ่องกงอีก 2-3 แห่งในย่านจิมซาจุ่ย เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบล่าสุด ยอมรับว่าการประท้วงทำให้การการเดินทางลดลงไปมากกว่าครึ่งและผู้โดยสารกำลังชั่งใจว่าจะทำการจองตั๋วเดินทางต่อไปหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ส่วนตัวโรงแรมกังวลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้นักท่องเที่ยวลดลง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ชะลอการเดินทางเข้ามาฮ่องกง ยอดจองห้องพักที่ลดลงตามไปด้วย รวมถึงก่อนหน้านี้ที่ สหราชอาณาจักร ญุ่ป่น สิงคโปร์ และออสเตรเลียที่ออกคำเตือนห้ามการเดินทางเข้าฮ่องกงหลังการประท้วงทวีความรุนแรง
ไม่เฉพาะการท่องเที่ยวแต่ยังรวมไปถึงธุรกิจและสินค้าเครื่องสำอางค์และสุขภาพ โดยบริษัท บองชูว์ โฮดดิ้ง เปิดเผยผลประกอบการในเดือนมิถุนายนที่ร่วงลงโดยกล่าวว่าเป็นความผิดของผู้ประท้วง
การบิน
ปีที่แล้วสนามบินฮ่องกงรองรับผู้โดยสารมากถึง 74 ล้านคน มากกว่า 1,000 เที่ยวบินทั้งการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า ออกไปยัง 200 จุดหมายทั่วโลก คิดเป็นมูลค่าจีดีพีที่มากถึง 5% ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการเปิดเผยของเลขาธิการด้านการขนส่งของฮ่องกง “แฟรงค์ ชาน” เฉพาะการปิดสนามบินจะมีความเสียหายเป็นสิบๆล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะกลับมาเปิดสนามบินได้ตามปกติ แต่ความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่วันเดียว แต่จะยังส่งผลต่อเนื่องไปอีกหลายเดือนข้างหน้าจากการยกเลิกและการจองตั๋วโดยสารใหม่
ค้าปลีก
เครื่องจักรตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฮ่องกง ค้าปลีกในฮ่องกงเดือนมิถุนายนร่วงลงถึง 6.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งนอกจากปัญหาการประท้วงที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ ภาคธุรกิจส่วนใหญ่เผชิญปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนอยู่แล้ว รวมถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าและสงครามการค้า เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ลงบทสัมภาษณ์เจ้าของร้านขายเครื่องเขียนแห่งหนึ่งในถนนแมทดิสัน คอสเวย์เบย์ โดยบอกถึงสถานการณ์ว่า ยอดขายร่วงลง 50%-70% ตั้งแต่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา มียอดขายน้อยกว่า 3 ร้อยเหรียญฮ่องกง แต่มีภาระค่าเช่าที่มากถึง 2หมื่นเหรียญฮ่องกงต่อเดือน และยังกล่าวต่อว่า “ท่ามกลางภาวะสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ได้ทำให้สถานการณ์แย่มากแล้ว การประท้วงยิ่งตอกย้ำทำให้แย่ที่สุด”และยกตัวอย่างนักท่องเที่ยวจีนที่มาจากมลฑลซินเจียงของจีนใช้จ่ายในการเดินทางประมาณ 2หมื่นหยวน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยลงมากเมื่อเทียบกับตอนที่เดินทางมาเมื่อปี 2010 หรือ 9 ปีที่แล้ว แม้ว่ามีอีกหลายที่ที่ต้องการเดินทางไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะการประท้วงตามท้องถนน
บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก
7 บริษัทของฮ่องกงอยู่ในรายชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก จาก 500 บริษัท รวมถึง เลอโนโว ซีเค ฮัทชิสัน และธนาคารพาณิชย์ระดับโลก ต่างออกมากังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ที่จะลามไปถึงผลประกอบการ ส่งผลกระทบต่อไปยังห่วงโซ่อุปทาน และการลงทุน
เครดิต https://www.thansettakij.com/content/world/407125