กระทรวงศึกษาไม่มีนโยบายยกเลิกชุดลูกเสือ-เนตรนารี เพียงปรับระเบียบใหม่เพิ่มทางเลือกการแต่งกาย

ข่าวการเมือง

กระทรวงศึกษาธิการได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมเกี่ยวกับการยกเลิกชุดลูกเสือ-เนตรนารี โดย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า กระทรวงศึกษาธิการไม่มีนโยบายยกเลิกการใช้ชุดลูกเสือ-เนตรนารีแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเพิ่มทางเลือกในการแต่งกายให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่มากขึ้น

ในการให้สัมภาษณ์ที่จังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 นายสุรศักดิ์ได้อธิบายว่า ทางกระทรวงกำลังอยู่ในระหว่างการแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับระเบียบเครื่องแบบและการแต่งกายของลูกเสือ-เนตรนารี โดยตามระเบียบใหม่นี้จะเพิ่มทางเลือกในการแต่งกายให้มากขึ้น ประกอบด้วยทั้งชุดแบบทางการดั้งเดิมและชุดลำลองที่เน้นความสะดวก ความยืดหยุ่นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนสามารถตัดสินใจเลือกรูปแบบการแต่งกายที่เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของนักเรียนและผู้ปกครองในแต่ละพื้นที่

สำหรับทางเลือกในการแต่งกายแบบลำลองที่เพิ่มเข้ามานั้น ผู้เรียนสามารถสวมเพียงผ้าพันคอ วอกเกิ้ล และหมวกลูกเสือ ควบคู่กับเครื่องแบบนักเรียนปกติ ชุดพละศึกษา หรือแม้กระทั่งชุดประจำชนเผ่าหรือชุดพื้นเมืองตามบริบทของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งมาตรการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรองรับสถานศึกษาที่มีข้อจำกัดด้านสภาพอากาศในพื้นที่หรือมีข้อจำกัดด้านความพร้อมทางการเงินของผู้ปกครองในการจัดหาชุดลูกเสือ-เนตรนารีแบบเต็มรูปแบบ

รัฐมนตรีช่วยฯ ย้ำว่า การตัดสินใจในการเลือกรูปแบบการแต่งกายนั้นจะอยู่ที่ดุลยพินิจของโรงเรียนเป็นสำคัญ โดยกระทรวงศึกษาธิการไม่มีนโยบายที่จะบังคับให้โรงเรียนต้องเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากทราบดีว่ายังมีหลายโรงเรียนที่มีความเห็นแตกต่างกัน บางแห่งยังคงมีความประสงค์ที่จะรักษาเอกลักษณ์ของการสวมใส่ชุดลูกเสือ-เนตรนารีแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในการเป็นลูกเสือ ในขณะที่บางโรงเรียนอาจต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น การบังคับให้ทุกโรงเรียนต้องปฏิบัติตามรูปแบบเดียวกันจึงอาจเป็นการจำกัดอิสระและไม่สอดคล้องกับบริบทที่แตกต่างกันของแต่ละสถานศึกษา

ความคืบหน้าในการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวนั้น นายสุรศักดิ์เปิดเผยว่า คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวง ซึ่งเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วก็จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ตัดสินใจประกาศแนวทางดังกล่าวล่วงหน้าเนื่องจากใกล้ถึงช่วงเปิดภาคเรียนใหม่แล้ว และต้องการให้โรงเรียนมีเวลาเพียงพอในการเตรียมความพร้อม รวมถึงป้องกันความสับสนที่อาจเกิดขึ้นในสังคมหากมีการประกาศในช่วงที่เปิดเรียนไปแล้ว

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ ยังยืนยันว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นว่าการเพิ่มทางเลือกในการแต่งกายชุดลูกเสือ-เนตรนารีไม่มีประเด็นที่ขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบใด ๆ ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงสามารถพิจารณาตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเลือกใช้แนวทางการแต่งกายแบบใดสำหรับนักเรียนของตนในภาคเรียนที่กำลังจะมาถึงนี้

มาตรการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการบริหารจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นการกระจายอำนาจการตัดสินใจไปสู่สถานศึกษามากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการพิจารณาบริบทและความพร้อมของแต่ละโรงเรียนเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในการจัดหาชุดลูกเสือ-เนตรนารีแบบเต็มรูปแบบ และยังคงรักษาเอกลักษณ์และคุณค่าของกิจกรรมลูกเสือผ่านสัญลักษณ์สำคัญอย่างผ้าพันคอและหมวกลูกเสือ

นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาในยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการปรับตัวและการตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้เรียน โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบที่ตายตัว แต่ยังคงรักษาแก่นสำคัญของกิจกรรมลูกเสือซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเยาวชนให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ และเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม

สรุปแล้ว กระทรวงศึกษาธิการยืนยันว่าไม่มีนโยบายยกเลิกชุดลูกเสือ-เนตรนารี แต่เป็นการปรับปรุงระเบียบเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและทางเลือกในการแต่งกาย โดยให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่สถานศึกษาเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยให้การจัดกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารีมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองอีกทางหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์และคุณค่าของกิจกรรมลูกเสือไว้ผ่านองค์ประกอบสำคัญอย่างผ้าพันคอและหมวกลูกเสือ